วันที่ 18 ธ.ค. ของทุกปี เป็นวันผู้ย้ายถิ่นสากล ในไต้หวันซึ่งมีผู้ย้ายถิ่นประกอบด้วยแรงงานต่างชาติและคู่สมรสชาวต่างชาติกว่า 900,000 คน ได้มีการจัดงานฉลองล่วงหน้าเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา ที่ลานกว้างอนุสรณ์สถานเจียงไคเช็ค หน้าทำเนียบประธานาธิบดีในกรุงไทเป มีคู่สมรส แรงงานต่างชาติและชาวไต้หวันไปร่วมงานกว่า 3,000 คน โดยในงานมีหน่วยงานอย่างสมาคม ชมรมและมูลนิธิที่เกี่ยวข้องกับผู้ย้ายถิ่นข้ามชาติไปร่วมออกบูธกว่า 100 หน่วยงาน ซึ่งนอกจากมีการแสดงการเล่น มีอาหารของชาติต่างๆ
และข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แล้ว ในงานยังมีการประกวดร้องเพลงรอบสุดท้ายของผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 1,250 คน ปรากฎว่านักศึกษาจากมาเลเซียและคู่สมรสจากจีนแผ่นดินใหญ่คว้ารางวัล 1,2,3ไปครอง
และข้อมูลข่าวสารที่เป็นประโยชน์แล้ว ในงานยังมีการประกวดร้องเพลงรอบสุดท้ายของผู้ย้ายถิ่นฐานใหม่ ซึ่งมีผู้สมัครกว่า 1,250 คน ปรากฎว่านักศึกษาจากมาเลเซียและคู่สมรสจากจีนแผ่นดินใหญ่คว้ารางวัล 1,2,3ไปครอง
ผอ.อริยา ลิ้มสุวัฒน์ (ซ้าย) ผู้อำนวยการสำนักงานแรงงานไทย รับมอบเกียรติบัตรและเงินรางวัลจากนายจางฉี (ขวา) รองผู้บัญชาการสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง แทนนายอรัญ โมดี |
ส่วนรางวัลผลงานดีเด่น มีสองรางวัล ได้แก่นางศศิชา เยิน หญิงไทยที่ย้ายมาตั้งรกรากกับสามีชาวไต้หวันและยึดอาชีพเป็นล่ามแปลภาษา ช่วยเหลือแรงงานไทยอยู่ที่เมืองซันฉง ในหัวข้อโปรดให้ความสำคัญต่อเกียรติและสวัสดิการของแรงงานต่างชาติ นางสุธิตา สายสุข แรงงานไทยที่มาทำงานในตำแหน่งผู้อนุบาลในกรุงไทเปกับผลงานเรียงความเรื่องแต่งงานปลอม ได้ไม่คุ้มเสีย ซึ่งทั้งสองได้รับเงินรางวัลคนละ 5,000 เหรียญไต้หวันพร้อมเกียรติบัตร
ในผลงานเรื่องน้ำพึ่งเรือ เสือพึ่งป่า นายอรัญเล่าถึงชะตาชีวิตของคนงานหนีนายจ้าง หรือที่เรียกกันว่าคนงานต่างชาติผิดกฎหมาย ซึ่งต้องทนทุกข์กับการกดขี่ของนายจ้าง ต้องใช้ชีวิตอยู่ในสภาพแวดล้อมที่สกปรก อันตรายและไม่มีหลักประกัน แล้วยังต้องคอยหลบซ่อนหนีตำรวจ นายอรัญเล่าว่า เคยไปหาเพื่อนที่หลบหนีเป็นคนงานผิดกฎหมาย และเพื่อนก็ชวนให้หลบหนีไปด้วยกัน แต่เจ้าตัวปฏิเสธ เพราะเคยไปเห็นสภาพที่อยู่ที่ทำงานของเพื่อนเหล่านี้มาแล้ว รับไม่ได้จริงๆ ดังนั้น จึงเรียกร้องหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจัดการแก้ปัญหาอย่างเด็ดขาด ด้วยการจับนายจ้างที่ว่าจ้างแรงงานผิดกฎหมาย หากไม่มีที่ไป คนงานหลบหนีก็จะลดน้อยลง ขณะเดียวกันก็ได้เรียกร้องแรงงานไทยอย่าหลบหนี เพราะมีปัญหามากกว่าที่คิด
เมื่อเดือนสิงหาคมปีนี้ สื่อมวลชนในไต้หวันให้ความสนใจรายงานข่าวที่นายอรัญ โมดีได้รับรางวัลเรียงความดีเด่นจากการเข้าร่วมประกวดกวีนิพนธ์ที่จัดขึ้นโดยกองแรงงาน เทศบาลกรุงไทเป เนื่องจากเจ้าของผลงานเป็นผู้ต้องขังจากเรือนจำกลางไทเป ซึ่งหลงมัวเมากับอบายมุก ลืมเป้าหมายในการเดินทางมาทำงานในต่างแดน ในที่สุดกลายเป็นผู้ต้องขังคดีฆ่าคน ถูกตัดสินจำคุก 11 ปี โดยนายอรัญเรียกร้องให้แรงงานไทยอย่าเดินซ้ำรอยของตน เนื่องจากเขียนได้ใจความ เข้าใจง่ายและใช้คำพูดได้อย่าเหมาะสม แสดงออกถึงความสำนึกในสิ่งที่ตนได้กระทำลงไป เข้าตากรรมการตัดสินได้รับเลือกเป็นผลงานดีเด่นประเภทร้อยแก้ว และนายอรัญจัดเป็นผู้ต้องขังชาวต่างชาติรายแรกที่ได้รับรางวัลจากกิจกรรมที่ทางการไต้หวันจัดขึ้น ดังนั้นสื่อมวลชนอย่างเหลียนเหอเป้า หรือยูไนเต็ดเดลินิวส์ หนังสือพิมพ์ยักษ์ในวงการสื่อของไต้หวัน ฉบับวันที่ 16 สิงหาคมที่ผ่านมา จึงลงข่าวการได้รับรางวัลของผู้ต้องขังชาวไทยรายนี้อย่างครึกโครม
นายอรัญ โมดี อายุ 27 ปี ภูมิลำเนาอยู่ตำบลวัดตายม อ.บางกระทุ่ม จ.พิษณุโลก เดินทางมาทำงานเป็นพนักงานชุบโลหะของบริษัท Tongchuan Enterprise ที่เมืองหยางเหมย เขตเถาหยวน แต่เกิดการฆ่าเพื่อนคนงานไทยในโรงงานเดียวกันเสียชีวิตเมื่อปลายปี 2550 ถูกศาลท้องถิ่นเมืองเถาหยวนพิพากษาจำคุก 11 ปี ข้อหาฆ่าคนตาย ซึ่งมีกำหนดจะพ้นโทษในเดือนธันวาคม พ.ศ. 2562
บทความเกี่ยวข้อง
การประกวดร้อยกรองและร้อยแก้วสำหรับแรงงานต่างชาติ ประจำปี 2010
"Taipei, Listen To Me Again !"
คนงานไทยผู้ต้องขังคดีฆ่าคน ส่งผลงานเล่าชีวิตเสเพลของตนเข้าประกวด คว้ารางวัลผลงานยอดเยี่ยม
ภาพบรรยากาศงานวันผู้ย้ายถิ่นฐานสากลในไต้หวัน
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น